1.กฎหมายคืออะไร จงอธิบาย และการบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติหมายความว่าอย่างไร
- กฎหมายคือข้อบังคับของรัฐาธิปัตย์ ที่บัญญัติขึ้นเพื่อใช้ควบคุมพฤติกรรมของพลเมือง หากใครฝ่าฝืน จะถูกลงโทษ รัฐาธิปัตย์ คือ ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐ (ของประเทศไทยรัฐาธิปัตย์
แบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายได้แก่ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ การบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติหมายความว่า ระเบียบ ข้อบังคับ ที่ได้กำหนดมา มาใช้กับประชาชนในรัฐหรือประเทศนั้นให้ปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม หากผู้ใดฝ่าฝืนจะได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมาย
- เห็นด้วย เนื่องจาก พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
กำหนดให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา
เป็นวิชาชีพควบคุมการกำหนดอื่นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หากประกอบวิชาชีพควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือแสดงด้วยวิธีการใด
ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพ
รวมทั้งสถานศึกษาที่รับผู้มิได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา
จะต้องได้รับโทษตามที่กำหนดไว้
3.ท่านมีแนวทางในการระดมทุน และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของท่านอย่างไรบ้าง อธิบายยกตัวอย่าง
3.ท่านมีแนวทางในการระดมทุน และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของท่านอย่างไรบ้าง อธิบายยกตัวอย่าง
- แนวคิดในการระดมทรัพยากรของผม คือ การได้จัดการระดมทัพยากร
ทั้งชุมชน หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ทางด้านเงินทุน วัสดุอุปกรณ์ และบุคลากร โดยได้ยึดหลักธรรมาภิบาล คือ หลักนิติธรรม หลักความคุ้มค่า หลักคุณธรรม หลักความรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส และหลักการมีส่วนรวม โดยใช้ทรัพยากรร่วมกันหรือแบ่งปันอุดหนุนกันอาจจัดในรูปแบบของกิจกรรมซึ่งมีความสอดคล้องกันกับหน่วยงานอื่นในเรื่องของวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์ร่วมกันโดยให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ของชุมชนในท้องถิ่นและสร้างหลักสูตรท้องถิ่นที่เหมาะสมและสอดคล้องกับชุมชน เช่น การทอดผ้าป่าจากศิษย์เก่า ขอความอนุเคราะห์การสนับสนุนทรัพยากรจากชุมชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรม
4.รูปแบบการจัดการศึกษามีกี่รูปแบบอะไรบ้าง และการศึกษาในระบบมีกี่ระดับประกอบด้วยอะไรบ้าง
- รูปแบบการจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ
- รูปแบบการจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ
1.การศึกษาในระบบ
2.การศึกษานอกระบบ
3.การศึกษาตามอัธยาศัย
การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ
1.การศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.การศึกษาระดับอุดมศึกษา
5.ท่านเข้าใจการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อธิบายยกตัวอย่างประกอบ - แตกต่างกัน คือ การศึกษาภาคบังคับในปัจจุบันกำหนดไว้ 9 ปี ส่วนการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งจัดไม่น้อยกว่า 12 ปี
6.การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 มีการแบ่งส่วนราชการเป็นอย่างไร และมีใครเป็นหัวหน้าส่วนราชการดังกล่าว อธิบายยกตัวอย่าง
- การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
โดยให้มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
7.จงบอกเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
- เป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 ให้เป็นกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
1.สำนักงานรัฐมนตรี
2.สำนักงานปลัดกระทรวง
3.สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
4.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5.สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
6.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ส่วนราชการตาม 2 , 3 , 4 , 5 และ 6 มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
2.สำนักงานปลัดกระทรวง
3.สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
4.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
5.สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
6.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ส่วนราชการตาม 2 , 3 , 4 , 5 และ 6 มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
7.จงบอกเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
- เป็นการแก้ไขพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 ให้เป็นกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
8.ท่านเข้าใจหรือไม่ว่า ถ้ามีบุคลากรไปให้ความรู้หรือสอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นครั้งคราว หรือไปสอนเป็นประจำ หากพิจารณาจากพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 กระทำผิดตาม พรบ.นี้หรือไม่เพราะเหตุใด
- ไม่ผิด เนื่องจากในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ได้มีข้อยกเว้นใน มาตรา 43
9.ท่านเข้าใจความหมายโทษทางวินัย สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างไร อธิบาย และโทษทางวินัยมีกี่สถาน อะไรบ้าง
- โทษทางวินัย สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คือ กฏหมาย กฏ ข้อบังคับ ระเบียบ และแบบธรรมเนียมที่กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติตามหรืองดเว้นการปฏิบัติ
โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
ความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
10.ท่านเข้าใจคำว่า เด็ก เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่อยู่ในสภาพลำบาก เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ทารุณกรรม ที่สอดคล้องกับ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 อย่างไรจงอธิบาย ตามความเข้าใจของท่าน
1.
ภาคทัณฑ์ เป็นโทษสำหรับกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษตัดเงินเดือนนอกจากนี้
ในกรณีกระทำความผิดวินัยเล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษ
จะงดโทษให้โดยให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
2.
ตัดเงินเดือน เป็นการลงโทษตัดเงินเดือนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนและเป็นจำนวนเดือน
เช่น ตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน เมื่อพ้นเวลา2
เดือนแล้วก็จะได้รับเงินเดือนตามปกติ
3.
ลดเงินเดือน เป็นการลงโทษโดยลดเงินเดือนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์เช่น
ลดเงินเดือน 2% หรือ 4% ของอัตราเงินเดือนของผู้กระทำผิด
ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
4. ปลดออก
เป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
5. ไล่ออก
เป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
10.ท่านเข้าใจคำว่า เด็ก เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่อยู่ในสภาพลำบาก เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ทารุณกรรม ที่สอดคล้องกับ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 อย่างไรจงอธิบาย ตามความเข้าใจของท่าน
- “เด็ก” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
“เด็กเร่ร่อน” หมายความว่า เด็กที่ไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือมีแต่ไม่เลี้ยงดูหรือไม่สามารถเลี้ยงดูได้ อาศัยหลับนอนตามที่สาธารณะ
“เด็กกำพร้า” หมายความว่า เด็กที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิต
“เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก” หมายความว่า เด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนหรือบิดามารดาหย่าร้าง ทิ้งร้าง ถูกคุมขัง หรือแยกกันอยู่ทำให้เด็กได้รับความลำบาก หรือต้องรับภาระหน้าที่ในครอบครัวเกินวัย หรือเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
“เด็กพิการ” หมายความว่า เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย สมอง สติปัญญา หรือจิตใจ
“เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด” หมายความว่า เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร เด็กที่ประกอบอาชีพที่นำไปสู่การกระทำผิดต่อกฎหมาย
“ทารุณกรรม” หมายความว่า การกระทำการใด ๆ จนเป็นเหตุให้เด็กเสื่อมเสียเสรีภาพหรือเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ การกระทำผิดทางเพศต่อเด็ก การใช้เด็กให้ประพฤติในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจหรือขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น